หลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้:
หลักสูตรเน้นการท่องจำเพื่อสอบเป็นหลัก ไม่เน้นการนำไปใช้ในชีวิตจริงและขาดการสอนทักษะชีวิตพื้นฐาน (เช่น การหุงข้าว การซ่อมแซมเบื้องต้น)
หลักสูตรล้าสมัย (บางส่วนกว่า 20 ปี) ไม่ยืดหยุ่นและไม่สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมในพื้นที่ EEC (เช่น EV, AI, ภาษาที่ 3)
ขาดการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างจริงจัง
การเรียนรู้ในระดับปฐมวัยผ่านจอ (Screen) มากเกินไป อาจขัดขวางการพัฒนาทักษะการคิด
การเรียนการสอนเน้นการคัดลอก ทำให้ขาดความเข้าใจและการเรียนรู้แบบค้นพบด้วยตนเอง
ภาระงานครูและบทบาท:
ครูมีภาระงานธุรการและโครงการจำนวนมากจากผู้บริหารระดับสูง ทำให้ไม่มีเวลาเพียงพอในการเตรียมการสอนและดูแลนักเรียนอย่างทั่วถึง
ครูในสายอาชีวะบางคนขาดทักษะด้านการปฏิบัติจริง
บทบาทของครูจำเป็นต้องเปลี่ยนจากการเป็นผู้ให้ความรู้ ไปสู่การเป็นผู้โค้ชและผู้ส่งเสริมการเรียนรู้
ปัญหาเชิงระบบและโครงสร้าง:
โครงสร้างการศึกษาถูกกำหนดด้วยกฎหมายและระเบียบที่แข็งตัว ทำให้ขาดความยืดหยุ่นและเป็นอุปสรรคต่อการปรับเปลี่ยนและสร้างนวัตกรรม
ความเหลื่อมล้ำของคุณภาพการศึกษาระหว่างโรงเรียนในเมืองกับชนบท และการแข่งขันเพื่อเข้าโรงเรียนที่มีชื่อเสียง
ระบบการศึกษาไม่สามารถผลิตแรงงานที่มีทักษะเฉพาะทางตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานในปัจจุบัน
การลงทุนด้านการศึกษาสูง แต่ผลตอบแทน (เช่น เงินเดือนเริ่มต้น) ค่อนข้างต่ำ
ปัญหาอัตราการเกิดลดลง เนื่องจากความกังวลด้านคุณภาพและค่าใช้จ่ายทางการศึกษา
ปัญหาสังคมและนักเรียน:
นักเรียนเผชิญปัญหาการใช้สื่อโซเชียลมีเดียที่มากเกินไปและขาดการชี้นำที่เหมาะสม
มีปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยเรียนที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง
ผู้ปกครองประสบปัญหาในการหาโรงเรียนที่มีคุณภาพใกล้บ้านและรู้สึกถูกกดดันให้ต้องส่งลูกเข้าโรงเรียนดัง
เน้นการเรียนรู้เพื่อนำไปใช้ในชีวิตจริงและอาชีพ: พัฒนาทักษะชีวิตพื้นฐาน (เช่น การหุงข้าว การซ่อมแซมเบื้องต้น), ทักษะอาชีพที่ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรมในพื้นที่ EEC (เช่น EV, AI, ภาษาที่ 3) และส่งเสริมการเป็นผู้ประกอบการ
ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และความรับผิดชอบ: ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันในสังคม การรู้จักผิดชอบชั่วดี การมีวินัย และความภูมิใจในความเป็นไทย
พัฒนาการคิดและปรับตัว: ให้เด็กคิดวิเคราะห์ สร้างสรรค์ เรียนรู้แบบสืบค้น พึ่งพาตนเองได้ และยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกและเทคโนโลยี
สร้างความเท่าเทียมและโอกาส: ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างโรงเรียนและสถาบันการศึกษาต่างๆ ให้เด็กทุกคนเข้าถึงการศึกษาและทรัพยากรที่มีคุณภาพ รวมถึงอุปกรณ์กีฬาและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น
ปรับบทบาทครูและหลักสูตร: ลดภาระงานครู ให้ครูเป็นผู้โค้ชและอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ หลักสูตรยืดหยุ่นและตอบสนองความถนัดของเด็กแต่ละคน
ส่งเสริมความสุขและคุณภาพชีวิต: สร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่สนุกสนาน ไม่กดดัน และช่วยให้เด็กออกแบบวิถีชีวิตของตนเองได้อย่างมีความสุข ตลอดจนพัฒนาสุขภาพกายและใจที่ดี
สร้างเครือข่ายความร่วมมือ: เชื่อมโยงบ้าน โรงเรียน และชุมชนในการจัดการเรียนรู้ เพื่อให้การศึกษาไร้รอยต่อและตอบโจทย์ทุกกลุ่มผู้เรียน (เช่น เด็กที่ไม่ได้เรียนต่อ, โฮมสคูล)
รอยต่อด้านหลักสูตรและการนำไปใช้ในชีวิตจริง:
หลักสูตรเน้นการท่องจำเพื่อสอบเป็นหลัก ไม่เน้นการนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง และขาดการสอนทักษะชีวิตพื้นฐาน (เช่น การหุงข้าว การซ่อมแซมเบื้องต้น)
หลักสูตรล้าสมัย (บางส่วนกว่า 20 ปี) ไม่ยืดหยุ่นและไม่สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมสมัยใหม่ในพื้นที่ EEC (เช่น EV, AI, ภาษาที่ 3) ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างทักษะที่สอนกับทักษะที่ตลาดแรงงานต้องการ
รอยต่อด้านบทบาทครูและภาระงาน:
ครูมีภาระงานธุรการและโครงการจากผู้บริหารระดับสูงมากเกินไป ทำให้ขาดเวลาในการเตรียมการสอนและดูแลนักเรียนอย่างทั่วถึง
บทบาทของครูยังเป็นผู้ให้ความรู้หลัก ไม่ได้เปลี่ยนไปเป็นผู้โค้ชหรือผู้ส่งเสริมการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับยุคที่นักเรียนเข้าถึงข้อมูลจาก AI ได้ง่าย
รอยต่อด้านความเหลื่อมล้ำและโอกาส:
ความเหลื่อมล้ำของคุณภาพการศึกษาระหว่างโรงเรียนในเมืองกับชนบท หรือโรงเรียนเล็กกับโรงเรียนใหญ่ ยังมีอยู่สูง รวมถึงการเข้าถึงอุปกรณ์กีฬาและโครงสร้างพื้นฐาน
ระบบไม่สามารถผลิตแรงงานที่มีทักษะเฉพาะทางได้เพียงพอต่อความต้องการของอุตสาหกรรม ทำให้ต้องพึ่งพาแรงงานต่างชาติ
รอยต่อระหว่างระบบกับการพัฒนาตามวัย/ความถนัด:
การศึกษาถูก "ล็อก" ด้วยกฎหมายและระเบียบที่แข็งตัว ทำให้ขาดความยืดหยุ่นในการปรับให้เข้ากับความถนัดที่หลากหลายของเด็กแต่ละคน
ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยเรียนที่โรงเรียนอาจยังไม่ได้เข้าไปจัดการอย่างจริงจัง แสดงให้เห็นช่องว่างในการดูแลประเด็นทางสังคมของนักเรียน
ผู้ปกครองบางส่วนไม่พึงพอใจกับระบบการศึกษาปกติ จนต้องเลือกการศึกษาทางเลือก (เช่น โฮมสคูล) เพราะระบบไม่ตอบโจทย์ความต้องการ
รอยต่อระหว่างบ้านกับโรงเรียน:
ยังขาดการบูรณาการการเรียนรู้ระหว่างบ้านและโรงเรียน ทำให้ภาระการเรียนรู้ไม่ได้ถูกแบ่งปันอย่างมีประสิทธิภาพ และอาจสร้างความกดดันให้ผู้ปกครองต้องจัดการเอง
รอยต่อด้านคุณธรรมจริยธรรม:
การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ความรับผิดชอบต่อสังคม และทักษะการใช้ชีวิตที่สมดุล ยังไม่ได้รับการเน้นย้ำเพียงพอในหลักสูตรปัจจุบันundefined
สภาหอการค้าจังหวัดระยอง:
แนวคิด: เน้นการศึกษาที่ "ปรับให้เหมาะสม" (customize) กับความถนัดของเด็กแต่ละคน และให้ครูเจาะลึกใส่ใจดูแลเป็นรายบุคคลมากขึ้น โดยมีการทำงานร่วมกันระหว่างโรงเรียนและที่บ้าน
การดำเนินการ: มีการแนะแนวอาชีพให้นักเรียนร่วมกับโรงเรียน และสนับสนุนทุนการศึกษาแก่นักเรียนยากจนจนจบปริญญาตรี
วิทยาลัยเทคนิคระยอง
แนวคิด: เสนอ "โครงการวิว" ซึ่งเป็นการจัดการเรียนรู้ 2 ปีในระดับ ปวส. ในสถานประกอบการโดยตรง เพื่อให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน และกำลังทดลองใช้ AI ในการจับสิ่งที่เด็กทำในโรงงานเพื่อเชื่อมโยงกับรายวิชาต่างๆ
การดำเนินการ: เคยนำร่องโครงการวิว กับบริษัทผลิตยางรถยนต์ ซึ่งประสบความสำเร็จและพนักงานได้รับการจ้างงานทั้งหมด
กลุ่มรักเขาชะเมา:
แนวคิด: ทำหน้าที่เป็น "บ้านหลังที่ 2" ของเด็กในชุมชน สร้างระบบการเรียนรู้บนฐานชุมชนที่หลากหลายและไม่ผูกขาดเฉพาะในระบบโรงเรียน เน้นการเรียนรู้ที่ทำให้เด็ก "รู้รากเหง้า" และ "เท่าทันสังคม" เพื่อให้กำหนดวิถีชีวิตของตนเองได้
การดำเนินการ: จัดกิจกรรมภายใต้แนวคิด "สิ่งที่ต้องรู้ สิ่งที่ควรรู้ และสิ่งที่อยากรู้" เช่น การเรียนรู้จากปราชญ์ชุมชน หรือการให้น้องเลือกศึกษาเรื่องที่ตนสนใจ เช่น หมอพื้นบ้านหรือวิทยาศาสตร์ทางทะเล
ผู้จัดการเบนซ์ อิงลิช อะคาเดมี่ (ผู้ทำโฮมสคูล):
แนวคิด: จัดการศึกษาแบบโฮมสคูลให้ลูก เพราะเห็นว่าระบบการศึกษาปัจจุบัน "ไม่ตอบโจทย์" เน้นการเรียนรู้แบบค้นพบด้วยตนเอง ให้เด็กพึ่งพาตัวเองได้และปรับตัวได้
อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน สพฐ. และโรงเรียนเอกชน (กรรมการศึกษาธิการจังหวัดระยอง):
แนวคิด: ใช้ "Family-Based Management" คือใช้บ้านเป็นฐานในการจัดการเรียนรู้ และสร้างให้โรงเรียนเป็น "ห้องเรียนรู้" ที่ครูเป็นโค้ช เน้นทักษะชีวิตในภาคบ่าย และมุ่งสร้าง "Happiness School"
การดำเนินการ: ที่โรงเรียนเอกชนที่บริหารอยู่ มีการปรับการเรียนการสอนให้เช้าเน้นวิชาการ ส่วนบ่ายเน้นทักษะชีวิตบูรณาการทุกวิชา และส่งเสริมบทบาทผู้ปกครองให้เป็นครูที่บ้าน
สํานักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดระยอง:
แนวคิด: สนับสนุนการปรับหลักสูตรให้ "ยืดหยุ่น" และตอบสนองต่อความต้องการของสถานประกอบการได้ทันที รวมถึงการสร้าง "หลักสูตรเพื่อชีวิต" ที่แบ่งตามช่วงวัยและศักยภาพของเด็ก
โดยรวมแล้ว หลายฝ่ายมองเห็นถึงความจำเป็นในการบูรณาการการเรียนรู้ระหว่างบ้าน โรงเรียน และชุมชน ลดภาระงานครู ปรับหลักสูตรให้ยืดหยุ่นและตอบโจทย์ทักษะชีวิตและอาชีพ พร้อมทั้งลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ
ความคล้ายคลึง (เป้าหมายร่วมกัน):
เน้นทักษะชีวิตและการประยุกต์ใช้: ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าการศึกษาควรเปลี่ยนจากการท่องจำไปสู่การนำไปใช้ในชีวิตจริงและอาชีพ
ความยืดหยุ่นของหลักสูตร: เห็นความจำเป็นในการปรับหลักสูตรให้ทันสมัย ยืดหยุ่น และตอบสนองต่อความต้องการของสังคมและอุตสาหกรรม
ลดภาระครู: หลายฝ่ายพูดถึงการลดภาระงานธุรการของครู เพื่อให้ครูมีเวลาในการสอนและพัฒนาเด็กมากขึ้น
การมีส่วนร่วม: เน้นการสร้างความร่วมมือระหว่างบ้าน โรงเรียน และชุมชนในการจัดการศึกษา
ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม: ให้ความสำคัญกับการสร้างคนให้มีคุณธรรม จริยธรรม และความรับผิดชอบต่อสังคม
ความแตกต่าง (จุดเน้นและวิธีการ):
ภาคเอกชน (หอการค้า):
จุดเน้น: การศึกษาที่ "Customize" ให้เหมาะกับความถนัดของเด็กแต่ละคน เน้นทักษะเชิงลึกที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมใน EEC (เช่น EV, AI, ภาษาที่ 3) เพื่อทดแทนแรงงานต่างชาติ และแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในอนาคต ให้ครูใส่ใจรายบุคคลมากขึ้น
การดำเนินการ: มีการแนะแนวอาชีพและสนับสนุนทุนการศึกษาแก่นักเรียนยากจน
ภาครัฐ (อาชีวศึกษา, สำนักงานอุตสาหกรรม, สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้, ท่องเที่ยวและกีฬา):
อาชีวศึกษาจังหวัดระยอง: เน้นการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการกับสถานประกอบการโดยตรง (WY L) เพื่อสร้างทักษะที่ตลาดต้องการ และกำลังทดลองใช้ AI เพื่อจับคู่สิ่งที่เด็กทำในโรงงานกับรายวิชา
ศึกษานิเทศก์/ผู้บริหารการศึกษา: เสนอการปรับโครงสร้างกระทรวงและหลักสูตรให้เท่าเทียม ยืดหยุ่น และมองเห็นทักษะแห่งอนาคต รวมถึงการลดภาระงานครู และสร้างการศึกษาที่ "คือชีวิต"
สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด: เน้นการสอนทักษะชีวิตพื้นฐาน (หุงข้าว ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าเบื้องต้น ปฐมพยาบาล) ให้กับเด็ก ม.6 และเรียกร้องให้ลดความเหลื่อมล้ำทางสถาบันการศึกษา
สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้: เน้นหลักสูตรที่ยืดหยุ่น ปรับตามความต้องการของสถานประกอบการได้ทันที สร้าง "หลักสูตรเพื่อชีวิต" ตามช่วงวัย และสร้างเกราะป้องกันเด็กจากอบายมุข รวมถึงประเมินผลงานครูตามผลลัพธ์ของเด็ก
สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด: เน้นการลดภาระงานครู การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม การอยู่ร่วมในสังคม การส่งเสริมสุขภาพกายและใจผ่านกีฬา และลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานด้านกีฬา
ภาคประชาสังคมและผู้ปกครอง (กลุ่มรักเขาชะเมา, ผู้ทำโฮมสคูล, สภาเด็กและเยาวชน):
กลุ่มรักเขาชะเมา: เน้นการเรียนรู้บนฐานชุมชน เป็น "บ้านหลังที่ 2" ของเด็ก ให้เด็กได้เรียนรู้รากเหง้า ภูมิปัญญา และเท่าทันสังคม เพื่อกำหนดวิถีชีวิตตนเองได้ ส่งเสริมการเรียนรู้ที่หลากหลายและไม่ผูกขาดในระบบโรงเรียน
ผู้ทำโฮมสคูล/ผู้ปกครอง: สะท้อนปัญหาความไม่ตอบโจทย์ของระบบการศึกษาปัจจุบัน (ท่องจำ ไม่เข้าใจ เน้นวิชาการมากไป) ต้องการการเรียนรู้แบบค้นพบด้วยตนเอง ให้เด็กพึ่งพาตนเองและปรับตัวได้ มีโรงเรียนคุณภาพใกล้บ้าน และการสอนให้เด็กมีความสมดุลในการใช้ชีวิต
สภาเด็กและเยาวชน: สนับสนุนการเรียนรู้เพื่อนำไปใช้จริง เน้นกิจกรรมแบบ Active Learning และใช้ Role Model มาเป็นแนวทางในการสอน เพื่อให้เด็กเรียนอย่างสนุกและเข้าใจ
โดยสรุป ทุกฝ่ายต่างมองเห็นปัญหาและต้องการ "การศึกษาแบบไร้รอยต่อ" ที่ตอบโจทย์การพัฒนาศักยภาพเด็กอย่างรอบด้าน ทั้งด้านวิชาการ ทักษะชีวิต อาชีพ และคุณธรรม แต่แนวทางและจุดเน้นในการเชื่อมโยง "รอยต่อ" เหล่านั้นแตกต่างกันไปตามบริบทและภารกิจของตนเอง เช่น ภาคเอกชนเน้นการเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรม ภาคประชาสังคมเน้นการเชื่อมโยงกับชุมชนและวิถีชีวิต ขณะที่ภาครัฐเน้นการเชื่อมโยงในเชิงนโยบายและโครงสร้างระบบ
หอการค้าจังหวัดระยอง:
ความเห็น: เน้นการศึกษาที่ "เฉพาะบุคคล" (customize) ตามความถนัดของเด็กแต่ละคน ครูต้องเจาะลึกใส่ใจเด็กแต่ละรายบุคคล และมีการทำงานร่วมกันระหว่างโรงเรียนและที่บ้าน
แนวทางที่เป็นรูปธรรม: มีการแนะแนวอาชีพให้นักเรียนร่วมกับโรงเรียน และสนับสนุนทุนการศึกษาแก่นักเรียนยากจนจนจบปริญญาตรี รวมถึงการเน้นทักษะภาษาที่ 3 และทักษะเฉพาะทาง (เช่น EV, AI) เพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมใน EEC
รองผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคระยอง (เลขานุการอาชีวศึกษาจังหวัดระยอง):
ความเห็น: เห็นว่าควรมีการจัดการเรียนรู้ในระดับอาชีวะที่เชื่อมโยงกับสถานประกอบการอย่างใกล้ชิด
แนวทางที่เป็นรูปธรรม: เสนอ "โครงการ WY L" (Work In the Yield Learning) ซึ่งเป็นการจัดการเรียนรู้ 2 ปี ในระดับ ปวส. ในสถานประกอบการโดยตรง และกำลังทดลองใช้ AI ในการจับสิ่งที่เด็กทำในโรงงานเพื่อเชื่อมโยงกับรายวิชาต่างๆ
อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน (คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดระยอง):
ความเห็น: ต้องการปฏิวัติระบบการศึกษาทั้งหมด ให้การศึกษาคือชีวิต เน้นทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ และทักษะวิชาการ โดยพ่อแม่เป็นครู ครูเป็นโค้ช
แนวทางที่เป็นรูปธรรม (สิ่งที่ดำเนินการอยู่): บริหารโรงเรียนโดยใช้หลัก "Family-Based Management" หรือ "Family-Based and School" (ใช้บ้านและโรงเรียนเป็นฐานการจัดการเรียนรู้) โดยช่วงเช้าเน้นวิชาการ และช่วงบ่ายเน้นทักษะชีวิตแบบบูรณาการทุกวิชา มุ่งสร้าง "Happiness School" และเปลี่ยนบทบาทครูเป็นผู้จัดการการเรียนรู้
ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดระยอง:
ความเห็น: การจัดการศึกษาต้องยืดหยุ่น ปรับหลักสูตรให้ทันสมัย และตอบสนองต่อความต้องการของสถานประกอบการได้ทันที
แนวทางที่เป็นรูปธรรม: เน้นการสร้าง "เกราะป้องกัน" ให้เด็กจากอบายมุขและอิทธิพลภายนอก กำหนดตัวชี้วัดที่เน้นคุณธรรมและวินัย และเสนอให้มีการประเมินผลงานครูโดยอิงจากผลสัมฤทธิ์ของเด็กอย่างแท้จริง
กลุ่มรักเขาชะเมา (ตัวแทนจากภาคประชาสังคม):
ความเห็น: มองว่าการศึกษาควรมีความหลากหลาย ไม่ได้ผูกขาดในระบบโรงเรียน และควรเชื่อมโยงกับชุมชน
แนวทางที่เป็นรูปธรรม: สร้าง "บ้านหลังที่ 2" ให้เด็กในชุมชน จัดการเรียนรู้ภายใต้แนวคิด "สิ่งที่ต้องรู้ สิ่งที่ควรรู้ และสิ่งที่อยากรู้" โดยให้เด็กเรียนรู้จากปราชญ์ชุมชน ภูมิปัญญา และเชื่อมโยงกับการพัฒนาอาชีพในอนาคต (เช่น การประมงพื้นบ้าน, แพทย์แผนไทย)
ตัวแทนจากกลุ่มพ่อแม่ระยองพันธุ์ใหม่:
ความเห็น: เสนอให้ "รื้อระบบกระทรวงศึกษาธิการ" ปรับหลักสูตร ลดภาระครู และเห็นว่า "ไรล่า" (Rai Laa) ควรเป็นศูนย์กลางในการจัดการศึกษาแบบไร้รอยต่อ
แนวทางที่เป็นรูปธรรม: ให้ "ไรล่า" เป็นศูนย์กลางสนับสนุนเด็กที่จบ ม.3 แล้วไม่เรียนต่อ ให้สามารถเชื่อมต่อกับสายอาชีพหรือการทำงานได้ หรือสนับสนุนเด็กที่เรียนโฮมสคูลโดยเป็นแหล่งข้อมูลและผู้เชี่ยวชาญ
ผู้ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ล้วนนำเสนอแนวคิดและวิธีการที่ชัดเจนในการจัดการศึกษาให้มีความยืดหยุ่นและไร้รอยต่อ โดยเชื่อมโยงกับการพัฒนาศักยภาพของเด็กและตอบสนองความต้องการของสังคมและเศรษฐกิจในปัจจุบัน
กฎหมายและโครงสร้างที่แข็งตัว:
หลักสูตรล้าสมัยกว่า 20 ปี ไม่ยืดหยุ่นและไม่ตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมใน EEC (EV, AI, ภาษาที่ 3) ได้ทันที
กฎหมายและระเบียบที่ "FIX" ทำให้การทํางานหรือการปรับเปลี่ยนที่นอกเหนือกฎหมายทําไม่ได้
การแบ่งโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการทําให้เกิดความซ้ําซ้อนและแย่งชิงทรัพยากรนักเรียน
ภาระงานครูและบทบาทที่ล้าสมัย:
ครูมีภาระงานธุรการและโครงการจากผู้บริหารระดับสูงมากเกินไป จนไม่มีเวลาเตรียมการสอนหรือดูแลนักเรียนอย่างทั่วถึง
บทบาทครูยังเป็นผู้ให้ความรู้ ไม่ใช่ผู้โค้ชหรือผู้ส่งเสริมการเรียนรู้ที่นักเรียนสามารถสืบค้นข้อมูลได้เอง
สัดส่วนนักเรียนต่อครูสูง (40-50 คนต่อห้อง) ทําให้ครูไม่สามารถดูแลเด็กแต่ละคนได้อย่างทั่วถึงและ "Customize" การเรียนรู้ได้
ความไม่เชื่อมโยงระหว่างการศึกษากับชีวิตจริงและตลาดแรงงาน:
หลักสูตรเน้นวิชาการ (วิทย์ คณิต อังกฤษ) และการท่องจําเพื่อสอบเป็นหลัก ขาดการสอนทักษะชีวิตพื้นฐาน (หุงข้าว, ซ่อมแซม)
การศึกษาไม่สามารถผลิตแรงงานที่มีทักษะเฉพาะทางได้ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรมในจังหวัด ทําให้ต้องพึ่งพาแรงงานต่างชาติ
การเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานและเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ทําให้บางสาขาวิชาล้าสมัยอย่างรวดเร็ว (เช่น บริหารธุรกิจ)
ความเหลื่อมล้ําและการเข้าถึง:
ความเหลื่อมล้ําของคุณภาพการศึกษาและทรัพยากร (เช่น อุปกรณ์กีฬา) ระหว่างโรงเรียนในเมืองกับนอกเมือง หรือโรงเรียนขนาดเล็กกับขนาดใหญ่
ผู้ปกครองต้อง "ตะเกียกตะกาย" ไปหาโรงเรียนที่มีชื่อเสียง เพราะโรงเรียนใกล้บ้านอาจไม่มีคุณภาพเพียงพอ
ปัญหาสังคมและค่านิยม:
ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยเรียนสูง แต่โรงเรียนไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้เนื่องจากกังวลเรื่องภาพลักษณ์
ค่านิยมที่เน้นการเรียนเพื่อเกรดสูง (4.00) โดยไม่สะท้อนถึงความรู้ความสามารถที่แท้จริง
สังคมขาดการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างเพียงพอ
อัตราการเกิดลดลง เนื่องจากความกังวลด้านค่าใช้จ่ายและคุณภาพการศึกษาในอนาคต ซึ่งส่งผลต่อการขาดแคลนแรงงานในระยะยาว