หลักสูตรและทักษะ:
การเรียนการสอนเน้นเนื้อหาวิชาการมากเกินไป ขาดการพัฒนาทักษะชีวิตและทักษะที่จำเป็นสำหรับการประกอบอาชีพ
หลักสูตรล้าสมัย ไม่ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลกและความต้องการของตลาดแรงงาน
บัณฑิตที่จบการศึกษาประสบปัญหาการว่างงาน เนื่องจากขาดทักษะเชิงปฏิบัติ
ระบบและการบริหารจัดการ:
ระบบการศึกษาเต็มไปด้วยหน่วยงานและขั้นตอนที่ซับซ้อน ทำให้เกิดความล่าช้าและไม่คล่องตัว
นโยบายการศึกษาขาดความต่อเนื่องและยั่งยืน มักเปลี่ยนแปลงตามการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล
นักการเมืองที่เข้ามาดูแลกระทรวงศึกษาธิการมักไม่เข้าใจแก่นแท้ของการศึกษา แต่ให้ความสำคัญกับธุรกิจการศึกษา
ความเหลื่อมล้ำและการเข้าถึง:
เกิดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาอย่างชัดเจนระหว่างโรงเรียนในเมืองและชนบท รวมถึงโรงเรียนที่มีชื่อเสียงกับโรงเรียนขนาดเล็ก
มีเด็กจำนวนมาก (ประมาณ 8,000 คน) ที่หลุดออกจากระบบการศึกษา
เด็กด้อยโอกาสขาดโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ
ครูและนักเรียน:
ครูมีภาระงานเอกสารจำนวนมาก ทำให้มีเวลาน้อยลงในการจัดการเรียนการสอนและการดูแลนักเรียน
นักเรียนมีความเครียดจากการเรียนหนักและชั่วโมงเรียนที่ยาวนาน
พบปัญหาเด็กติดจอ ไม่พูด ไม่โต้ตอบเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเด็กปฐมวัย และมีจำนวนเด็กที่มีความต้องการพิเศษเพิ่มขึ้น
ประสิทธิภาพและความคุ้มค่า:
การศึกษาในระบบล้มเหลวในการผลิตบุคลากรที่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน
ระยะเวลาการศึกษาที่ยาวนานโดยเฉพาะในระดับอุดมศึกษา ถูกตั้งคำถามว่าเหมาะสมหรือไม่
การศึกษามีค่าใช้จ่ายสูง และการเพิ่มขึ้นของโรงเรียนกวดวิชาสะท้อนปัญหาของระบบหลัก
สร้างคนให้ตรงกับบริบทของจังหวัด: เน้นการพัฒนาคนให้มีทักษะที่จำเป็นสำหรับการประกอบอาชีพหลักของจังหวัด เช่น เกษตรกรผู้ประกอบการ, ช่างฝีมือในอุตสาหกรรมอัญมณี
ลดความเหลื่อมล้ำและเพิ่มโอกาส:
จัดให้มีการศึกษาที่เท่าเทียมและทั่วถึงในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กด้อยโอกาสและเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษา
ให้โอกาสเด็กเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพเช่นเดียวกับในเมืองใหญ่
มีแนวทางรองรับเด็กพิเศษและเด็กที่มีปัญหาติดจอ/ไม่โต้ตอบ
ยืดหยุ่นและไร้รอยต่อ:
พัฒนาระบบการศึกษาให้มีความยืดหยุ่นและเชื่อมโยงกันในทุกระดับ (ประถม-มัธยม-อาชีวะ-อุดมศึกษา)
ส่งเสริมระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) เพื่อให้ผู้เรียนสามารถสะสมและโอนหน่วยกิตได้
ลดระยะเวลาการเรียนในระบบและเพิ่มการเรียนรู้เชิงปฏิบัติหรือวิชาชีพ เพื่อให้สามารถเข้าสู่ตลาดแรงงานได้เร็วขึ้น
ปรับปรุงหลักสูตรให้ทันสมัยและสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลก รวมถึงความต้องการของตลาดแรงงาน
เน้นทักษะชีวิตและทักษะแห่งอนาคต:
มุ่งเน้นการเพิ่มทักษะชีวิต ทักษะเชิงปฏิบัติ ทักษะด้านภาษา และทักษะศตวรรษที่ 21 แทนการเน้นเนื้อหาวิชาการมากเกินไป
เพิ่มหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนการเงิน การลงทุน และการประกอบการ
ลดภาระครูและเพิ่มประสิทธิภาพ:
ลดภาระงานเอกสารของครู เพื่อให้ครูมีเวลาสอนและดูแลนักเรียนได้มากขึ้น
ต้องการนโยบายการศึกษาที่มีความต่อเนื่องและยั่งยืน ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามการเมือง
ส่งเสริมการทำงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆ:
สนับสนุนการจับมือกับสถานประกอบการเพื่อให้นักเรียนได้ฝึกงานและมีโอกาสได้งานทำ
กระตุ้นให้สถานศึกษาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับอุตสาหกรรมในท้องถิ่น
ส่งเสริมการจัดการศึกษาที่เน้นให้ผู้เรียนสามารถสร้างรายได้ระหว่างเรียนได้
การศึกษาเพื่อเป็นพลเมืองที่ดี: สอนให้มีคุณธรรม จริยธรรม และเป็นคนดีนอกเหนือจากความรู้ทางวิชาการ
โครงการ CLC (หลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษา):
เป็นความพยายามที่จะเชื่อมโยงการศึกษาระดับขั้นพื้นฐานไปสู่อุดมศึกษาและอาชีวศึกษา โดยมีการดำเนินงานมากว่า 3 ปี
เชื่อมโยงใน 3 ระดับ ได้แก่ ปฐมวัย-ประถมศึกษา กับอาชีวศึกษา, มัธยมศึกษา กับอาชีวศึกษา, และมัธยมศึกษา กับอุดมศึกษา
นักเรียนสามารถเก็บหน่วยกิตในระบบเครดิตแบงก์ (Credit Bank) ซึ่งสามารถเทียบโอนได้เมื่อศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็น มทร.ตะวันออก หรือมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ
นักเรียนสามารถเปลี่ยนวิชาที่เรียนได้ หากไม่ชอบ ก็จะไม่เครียด
วิชาที่เรียนกับมหาวิทยาลัย สามารถนำมาเทียบเป็นวิชาเพิ่มเติมในโรงเรียนและออกเกรดได้
ปัญหาที่ยังคงมี:
ยังมีผู้พูดถึงความรู้สึกว่าการศึกษาในระบบยัง "ล้มเหลว" ในการผลิตบุคลากรที่ตรงกับตลาดแรงงาน และระบบยังมีรอยต่อทำให้เด็กที่จบไปไม่มีงานทำ
ความร่วมมือกับสถานประกอบการ แม้จะส่งเสริม แต่บางครั้งเด็กก็ยังไม่ให้ความสนใจเท่าที่ควร
ยังมีเด็กจำนวนมากที่หลุดออกจากระบบการศึกษา (ประมาณ 8,000 คน)
ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษายังคงมีอยู่
สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดจันทบุรี
ดำเนินโครงการ CLC (หลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษา) มา 3 ปี เพื่อเชื่อมโยงการศึกษาใน 3 ระดับ คือ ปฐมวัย-ประถมศึกษา กับอาชีวศึกษา, มัธยมศึกษา กับอาชีวศึกษา, และมัธยมศึกษา กับอุดมศึกษา
นักเรียนที่เข้าร่วมโครงการสามารถเก็บ "เครดิตแบงก์" (Credit Bank) จากมหาวิทยาลัย เพื่อใช้เทียบโอนหน่วยกิตเมื่อเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาได้ ทั้งในจังหวัดและทั่วประเทศ
โครงการ CLC กำลังจะปรับเปลี่ยนเป็น "โครงการรัตนา" (ระบบ Credit Bank) เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง
วิชาที่เรียนกับมหาวิทยาลัยสามารถนำมาเทียบเป็นวิชาเพิ่มเติมในโรงเรียนและออกเกรดได้
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกวิทยาเขตจันทบุรี (มทร.ตะวันออก):
ออกแบบหลักสูตร 6 รายวิชาที่นักเรียน ม.4-6 สามารถเรียนล่วงหน้าและนำไปเทียบโอนหน่วยกิตได้เมื่อเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
มีหลักสูตรระยะสั้นสำหรับบุคคลทั่วไป เน้นด้านการเกษตร ซึ่งผู้เรียนสามารถเก็บสะสมเพื่อเทียบโอนเข้ามหาวิทยาลัยได้
มีโครงการ TV (Talent Volunteer) และโครงการนักวางแผน (คล้ายธนาคารหน่วยกิต) ให้นักเรียน ม.ปลาย สามารถลงทะเบียนเรียนวิชาใดก็ได้ของคณะใดก็ได้ และสามารถสะสมหรือโอนหน่วยกิตเพื่อใช้ศึกษาต่อได้ในอนาคต รวมถึงสามารถเปลี่ยนวิชาที่เรียนได้หากไม่ชอบ
เปิดหลักสูตรปริญญาตรีแบบซีรีส์ (เรียนสลับกับการทำงาน/ประกอบการภายใต้การดูแล) เพื่อให้นักศึกษาได้ประสบการณ์จริงและมีงานทำทันที
วิทยาลัยอาชีวศึกษา:
ร่วมมือกับสถานประกอบการเพื่อจัดให้นักเรียนได้ฝึกงาน ทำให้ได้รับประสบการณ์ตรงและเห็นทิศทางอาชีพ
จัดกิจกรรมเสริมสื่อออนไลน์ร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ เพื่อแนะนำหลักสูตรและส่งเสริมการเป็นผู้ประกอบการ
จัดโครงการผู้ประกอบการผลิตสินค้าจากสมุนไพร ให้นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติจริงตั้งแต่การผลิต การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การเขียนแผนธุรกิจ และนำเสนอผลงาน
สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี:
ส่งเสริมการเชื่อมโยงสถานศึกษากับธุรกิจในท้องถิ่น เพื่อยกระดับอุตสาหกรรม
จัดกิจกรรมดูงานและให้ความรู้แก่นักเรียนเกี่ยวกับการตลาด การขาย และวิธีการหารายได้ระหว่างเรียน เช่น การโปรโมทสินค้าผ่านโซเชียลมีเดีย หรือการเป็นคนเดินขายพลอย
สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต
จัดการศึกษาแบบยืดหยุ่นสำหรับเด็กที่หลุดออกจากระบบ หรือผู้ที่ไม่สามารถเรียนในระบบปกติได้
มีครูประจำทุกตำบลเพื่อติดตามและดูแลเด็ก รวมถึงผู้พิการที่บ้าน
มีรูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น เรียนรู้ด้วยตนเอง, เรียนที่ศูนย์, เรียนออนไลน์ เพื่อให้เข้ากับบริบทของผู้เรียน (เช่น เด็กที่ทำงานสวนทุเรียน)
มีหลักสูตรการศึกษาต่อเนื่องและหลักสูตรเพื่อพัฒนาตนเอง (พัฒนาอาชีพ)
มีการจัดการสอบเทียบความรู้ (มาสมัครสอบโดยไม่ต้องเรียน) ซึ่งช่วยลดระยะเวลาการศึกษา
หน่วยงานภาครัฐและบริหารการศึกษา (ศึกษาธิการจังหวัด, สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด, สกจ. จันทบุรี, สกร. (กศน. เดิม)):
เน้นความต่อเนื่องและไร้รอยต่อของระบบ: มีการดำเนินโครงการ CLC (หลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษา) และกำลังปรับเป็น "โครงการรัตนา" (ระบบ Credit Bank) เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเก็บหน่วยกิตข้ามระดับและโอนหน่วยกิตได้
การกระจายอำนาจ: เสนอให้แยกการศึกษาออกจากการเมือง และให้หน่วยงานระดับจังหวัด/โรงเรียนมีอำนาจตัดสินใจเรื่องหลักสูตรของตนเอง
ความยั่งยืนของนโยบาย: ต้องการให้นโยบายการศึกษามีความต่อเนื่อง ไม่เปลี่ยนแปลงตามรัฐบาล เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจน
รองรับเด็กนอกระบบและผู้ด้อยโอกาส: สกร. (กศน. เดิม) จัดการศึกษาที่ยืดหยุ่นสำหรับเด็กที่หลุดออกจากระบบ โดยมีรูปแบบการเรียนที่หลากหลาย (ตนเอง, ศูนย์, ออนไลน์) ครูประจำตำบลติดตามเด็ก และมีระบบสอบเทียบความรู้เพื่อลดระยะเวลาเรียน
สถานศึกษา (มหาวิทยาลัย, วิทยาลัยอาชีวศึกษา, โรงเรียน):
การลดเวลาเรียนและเน้นทักษะปฏิบัติ: เสนอให้ผู้เรียนใช้เวลาน้อยที่สุดในการเรียน และเน้นทักษะที่สามารถนำไปประกอบอาชีพได้ทันที
หลักสูตรเฉพาะทางและเครดิตแบงก์: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกฯ มีหลักสูตร 6 รายวิชาที่นักเรียน ม.ปลาย สามารถเรียนล่วงหน้าและเทียบโอนหน่วยกิตได้ มีหลักสูตรระยะสั้น และโครงการ Talent Volunteer (TV) หรือนักวางแผน ให้เลือกเรียนวิชาใดก็ได้เพื่อสะสมเครดิต รวมถึงหลักสูตรปริญญาตรีแบบซีรีส์ที่เรียนสลับกับการทำงาน
ความร่วมมือกับภาคเอกชน: วิทยาลัยอาชีวศึกษาเน้นการฝึกงานกับสถานประกอบการเพื่อให้นักเรียนมีประสบการณ์และโอกาสในการทำงาน และส่งเสริมการเป็นผู้ประกอบการผ่านกิจกรรมและหลักสูตร
ความท้าทายในการจูงใจ: โรงเรียนเบญจมราชูทิศ 2 พบว่าแม้จะมีโครงการอาชีพดีๆ (เช่น กับ CP) แต่เด็กกลับสนใจน้อยกว่าที่คาดไว้ และบางส่วนก็ออกไประหว่างเรียน
ภาคเอกชน (สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจอัญมณี, เจ้าของสำนักงานบัญชี):
สร้างรายได้ระหว่างเรียน: เสนอแนวคิดให้นักเรียนสามารถหาเงินได้ระหว่างเรียน โดยเชื่อมโยงกับการทำธุรกิจในท้องถิ่น เช่น การโปรโมทสินค้าอัญมณีผ่านโซเชียลมีเดีย
การศึกษาต้องเป็นเนื้อเดียวกับธุรกิจ: ต้องการให้สถานศึกษาเข้ามามีส่วนร่วมในการยกระดับอุตสาหกรรมในท้องถิ่น และผลิตบุคลากรที่ตรงกับความต้องการของตลาด
เรียนวิชาชีพภาคบ่าย: เสนอให้เด็กเรียนวิชาการครึ่งวัน และเรียนวิชาชีพที่สนใจอีกครึ่งวัน เพื่อให้มีประสบการณ์จริง
ภาคประชาสังคมและผู้ทรงคุณวุฒิ:
ลดภาระครูและเนื้อหาวิชาการ: เรียกร้องให้ลดภาระงานเอกสารของครู เพื่อให้ครูมีเวลาสอนและดูแลนักเรียนมากขึ้น และลดเนื้อหาวิชาการที่เน้นความจำลง
เน้นทักษะชีวิตและทักษะแห่งอนาคต: ต้องการให้เพิ่มทักษะชีวิต ทักษะศตวรรษที่ 21 และทักษะเฉพาะทางที่จำเป็นสำหรับการประกอบอาชีพ
แก้ไขปัญหาเด็กหลุดออกจากระบบและเด็กพิเศษ: มีการพูดถึงเด็กติดจอไม่พูดไม่โต้ตอบ และเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ซึ่งต้องได้รับการดูแลอย่างเป็นพิเศษและยืดหยุ่น
การศึกษาเพื่อชีวิต: ต้องการเห็นการศึกษาที่เป็น "แท่งเดียวกัน" ไร้รอยต่อ มีประสิทธิภาพ และเป็น "การศึกษาเพื่อชีวิตอย่างแท้จริง" ไม่ใช่เพื่อธุรกิจ
โดยสรุปแล้ว แม้ทุกภาคส่วนจะเห็นพ้องในการสร้างการศึกษาที่ยืดหยุ่นและไร้รอยต่อ แต่ก็มีมุมมองที่ต่างกันไป โดยหน่วยงานภาครัฐมุ่งเน้นที่การจัดระบบและกลไกเชิงนโยบาย สถานศึกษามุ่งเน้นที่การพัฒนาหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคมมุ่งเน้นที่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและเชื่อมโยงกับบริบทเศรษฐกิจและสังคมจริงในพื้นที่
ความเห็นของศึกษานิเทศก์จากสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดจันทบุรี (SPK_1):
โครงการ CLC (หลักสูตรต่อเนื่องเชื่อมโยงการศึกษา): เป็นกลไกสำคัญที่ดำเนินการมา 3 ปี เพื่อเชื่อมโยงการศึกษาใน 3 ระดับ ได้แก่ ปฐมวัย-ประถมศึกษากับอาชีวศึกษา, มัธยมศึกษากับอาชีวศึกษา และมัธยมศึกษากับอุดมศึกษา
ระบบ Credit Bank: นักเรียนสามารถเก็บ "เครดิตแบงก์" จากมหาวิทยาลัย (เช่น มทร.ตะวันออก และ ม.บูรพา) โดยหากได้เกรดเฉลี่ย 2 ขึ้นไป สามารถเทียบโอนหน่วยกิตได้เมื่อเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ซึ่ง มทร.ตะวันออก ได้เปิดโอกาสให้นักเรียนกลุ่มนี้เรียนฟรี
การจัดการ: วิทยาลัยอาชีวศึกษาจะมาสอนวิชาเพิ่มเติมในโรงเรียน และมหาวิทยาลัยจะสอนหลักสูตรให้กับนักเรียนมัธยมปลายผ่านระบบออนไลน์ โดยวิชาที่เรียนกับมหาวิทยาลัยสามารถนำมาเทียบเป็นวิชาเพิ่มเติมในโรงเรียนและออกเกรดได้ (เพิ่มเติมว่านักเรียนสามารถเปลี่ยนวิชาได้หากไม่ชอบ)
เป้าหมายอนาคต: โครงการ CLC จะปรับเปลี่ยนไปสู่ "โครงการรัตนา" ซึ่งเป็นระบบเครดิตแบงก์เพื่อความต่อเนื่อง
อาจารย์ประหยัดจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกวิทยาเขตจันทบุรี ยังได้นำเสนอแนวทางที่เป็นรูปธรรมเพิ่มเติม:
มี 6 รายวิชาที่นักเรียน ม.4-6 สามารถเรียนล่วงหน้าและเทียบโอนหน่วยกิตเข้ามหาวิทยาลัยได้
มีหลักสูตรระยะสั้นสำหรับบุคคลทั่วไป ซึ่งสามารถเก็บสะสมเครดิตเพื่อเทียบโอนเข้ามหาวิทยาลัยได้
มีโครงการ Talent Volunteer (TV) และ "นักวางแผน" ให้นักเรียน ม.ปลาย สามารถลงทะเบียนเรียนวิชาใดก็ได้ของคณะใดก็ได้ในมหาวิทยาลัย เพื่อสะสมหรือโอนหน่วยกิต และสามารถเปลี่ยนวิชาที่เรียนได้
เปิดหลักสูตรปริญญาตรีแบบซีรีส์ ที่ให้นักศึกษาเรียนสลับกับการทำงาน/ประกอบการ เพื่อให้มีประสบการณ์จริงและมีงานทำทันทีหลังเรียนจบ
ขาดความต่อเนื่องของนโยบายและการออกแบบระบบแบบองค์รวม:
นโยบายการศึกษามักเปลี่ยนแปลงไปตามรัฐบาลหรือผู้บริหาร ทำให้ขาดความต่อเนื่องและยั่งยืน
การวางแผนการศึกษายังคงเป็นแบบแยกส่วน (เช่น อาชีวะคิดอย่างหนึ่ง, พื้นฐานคิดอีกอย่างหนึ่ง) ทำให้ระบบไม่เชื่อมโยงกันอย่างแท้จริง
ปัญหาด้านความสนใจและการคงอยู่ของผู้เรียนในหลักสูตรยืดหยุ่น:
โครงการส่งเสริมอาชีพบางอย่าง (เช่น กับ CP) แม้มีสวัสดิการดี แต่กลับมีเด็กสนใจน้อยและมีอัตราการออกระหว่างเรียนสูง
โครงการสอบเทียบความรู้มีผู้สมัครลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจสะท้อนปัญหาในการเข้าถึงหรือการรับรู้ถึงประโยชน์
ผลิตบุคลากรไม่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน:
บัณฑิตจบมามีความรู้ท่วมหัวแต่ไม่มีงานทำ ขาดทักษะเชิงปฏิบัติ ทฤษฎีมากเกินไป
ยังขาดการเชื่อมโยงอย่างเป็นรูปธรรมระหว่างสถานศึกษากับภาคธุรกิจเพื่อให้เกิดการยกระดับอุตสาหกรรมในท้องถิ่น
ความท้าทายด้านพัฒนาการเด็กปฐมวัย:
พบปัญหาเด็กติดจอ ไม่พูด ไม่โต้ตอบ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นความท้าทายที่ระบบการศึกษาต้องเข้ามาดูแล
เด็กนอกระบบและผู้ด้อยโอกาส:
มีเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษาในทุกสังกัดประมาณ 8,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง
ความต้องการการรับรองทักษะอาชีพที่เป็นรูปธรรม:
ยังขาดใบรับรอง (ใบเซอร์) หรือคุณวุฒิวิชาชีพที่ได้มาตรฐานสำหรับทักษะปฏิบัติ ซึ่งจะช่วยเพิ่มค่าตอบแทนและโอกาสในการทำงานให้กับผู้จบการศึกษา
ความยากลำบากในการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์:
การขยับปรับเปลี่ยนระบบการศึกษาเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและใช้เวลา ยังคงต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงจากรูปแบบการเรียนรู้แบบเก่าที่เน้นวิชาการเป็นหลักไปสู่การเน้นทักษะและการปฏิบัติจริง